French Revolution 1789 ตอนที่ 4
………………………………………………………………..
บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Ocylens คอนแทคเลนส์รายวัน
………………………………………………………………..
วันชาติของฝรั่งเศสคือวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งที่มาของวันชาติก็อย่างที่หลายคนรู้กันอยู่แล้ว คือเป็นวันที่ชาวบ้านในปรุงปารีสบุกเข้าไปโจมตีคุกบาสตีลล์ Bastille ในปีค.ศ.1789
คำถามคือ การโจมตีคุกบาสตีย์มันพิเศษยังไง ? ทำไมการบุกคุกแห่งนี้จึงสำคัญถึงขนาดกลายมาเป็นวันชาติของฝรั่งเศสได้ ?
จะตอบคำถามนี้ได้ เราต้องไปทำความรู้จักกับคุกบาสตีย์ และเหตุผลว่าทำไมคุกแห่งนี้จึงถูกชาวเมืองปารีสบุกเข้าไปครับ
………………………………………………………………..
12.
คุกบาสตีย์แห่งนี้ ตอนสร้างขึ้นมาครั้งแรก ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคุก แต่เป็นป้อมปราการแห่งหนึ่งของเมืองปารีสที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันกองทัพของอังกฤษในช่วงสงครามร้อยปี
ในวันที่การปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มต้นขึ้น ป้อมปราการแห่งนี้ก็มีอายุประมาณ 400 ปีแล้ว
ต่อมาเมื่อป้อมปราการนี้ไม่ได้ถูกใช้งานในฐานะป้อมที่ใช้ป้องกันเมือง จึงค่อยๆถูกเปลี่ยนมาใช้งานเหมือนเป็นคุกส่วนตัวของกษัตริย์ฝรั่งเศส ที่มีไว้กักขัง ศัตรูของกษัตริย์และศัตรูของศาสนา คนที่ถูกส่งขังคุกหลายครั้งจึงไม่ใช่โจรที่ฆ่าคนหรือขโมยสิ่งของ แต่เป็นนักเขียนที่เขียนโจมตีศาสนาและสถาบันกษัตริย์ เป็นสายลับหรือเป็นศัตรูทางการเมือง เป็นต้น
นักโทษที่มีชื่อเสียงซึ่งเคยถูกจับมาขังที่คุกแห่งนี้มีมากมายหลายคน เช่น วอลแตร์ ซึ่งถูกขังไปถึง 2 ครั้ง หรืออีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากก็คือผู้ชายที่รู้จักกันในชื่อว่า ผู้ชายที่อยู่ภายใต้หน้ากากเหล็ก หรือ Man in the iron mask (นิยายถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์แสดงนำโดย ลีโอนาร์โด ดิแคปริโอ) ซึ่งตัวตนของคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากเหล็กนี้ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร แต่หลังจากถูกย้ายมากักขังที่คุกบาสตีย์ได้ประมาณ 5 ปีก็เสียชีวิต
หลังจากเสียชีวิตไปแล้วโครงกระดูกที่ยังใส่หน้ากากของนักโทษคนนี้ก็ยังถูกล่ามโซ่ต่อไปทำให้แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังไม่มีใครรู้ตัวตนของชายที่อยู่ภายใต้หน้ากากนานกว่า 30 ปีคนนี้
ด้วยความที่คุกแห่งนี้เป็นคุกของกษัตริย์ทำให้คุกแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยประเพณีและกฎระเบียบที่ซับซ้อนและลึกลับ เหมือนอย่างที่ใช้ในพระราชวัง เช่น ตัวตนของนักโทษที่จะถูกนำขังในคุกแห่งนี้เกือบทุกคนจะถูกเก็บเป็นความลับ โดยขณะส่งนักโทษเข้าคุมขังนักโทษจะต้องนั่งรถม้าที่มีผ้าม่านปิดสนิทไม่ให้คนภายนอกรู้ว่าคนที่ถูกส่งเข้าคุกคนนี้เป็นใคร แม้แต่ทหารที่รอรับนักโทษเข้าคุมขัง ก็มักจะต้องยืนเข้าแถวหันหลังเพื่อไม่ให้หันมามองเห็นว่าผู้ที่ถูกส่งมาคุมขังเป็นใคร
เมื่อนักโทษเข้าไปอยู่ในคุกแล้วก็จะห้ามผู้คุมพูดคุยกับนักโทษหรือห้ามถามเหตุผลที่นักโทษถูกจับมาคุมขัง นักโทษส่วนใหญ่จะถูกส่งเข้าคุกโดยไม่มีการขึ้นศาล ด้วยเหตุนี้ คุกแห่งนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของความอยุติธรรม เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจที่ไม่จำกัดของกษัตริย์ และยิ่งบวกกับความที่เป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่มานานหลายร้อยปี ยิ่งทำให้ป้อมปราการแห่งนี้ดูน่ากลัว น่าเกรงขามมากขึ้น
แม้ว่าในช่วงก่อนจะเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส คุกแห่งนี้ไม่ได้ถูกใช้งานมากอย่างที่เคยเป็นแล้วก็ตาม การคุมขังไม่โหดร้ายเหมือนเดิม อาหารของนักโทษก็อาจจะดีกว่าที่ชาวบ้านยากจนกินกัน แต่คุกแห่งนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ของระบอบการปกครองแบบโลกเก่าที่ประชาชนถูกกดขี่โดยชนชั้นปกครอง
คำถามต่อไปคือ แล้วมีเหตุอะไรที่ทำให้ประชาชนชาวปารีสบุกเข้าไปทำลายคุกแห่งนี้
………………………………………………………………..
13.
ผมอยากจะขอย้อนกลับไปที่เรื่องราว หลังจากที่สมัชชาแห่งชาติหรือ National Assembly ถูกตั้งขึ้นแล้ว
แม้ว่าในวันที่ 27 มิถุนายน พระเจ้าหลุยส์จะยอมรับ National Assembly ว่าเป็นตัวแทนของชาวฝรั่งเศสแล้ว แต่สถานการณ์โดยรวมก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะยังไงต่อ ไม่มีใครรู้ว่าพระเจ้าหลุยส์ยอมแพ้แล้วจริงๆหรือไม่ ? ถ้าพระเจ้าหลุยส์ยอมแพ้แล้วจะมีการรวมกำลังทหาร 30,000 นายมาที่พระราชวังแวร์ซายเพื่ออะไร ?
ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้ ผู้คนที่หวาดกลัวก็เริ่มคิดกันไปเองต่างๆ นาๆ จากคำพูดที่คิดไปเองของคนๆนึง ก็ถูกนำไปพูดต่อจนกลายเป็นข่าวลือ จากข่าวลือก็ค่อย ๆ ถูกเล่าต่อจนกลายเป็นข่าวจริง
ด้วยเหตุนี้ชาวปารีสจำนวนมากจึงปักใจเชื่อว่า พระเจ้าหลุยส์กำลังเตรียมจะนำกองทัพมาปราบเหล่าสมาชิกของสมัชชาแห่งชาติ ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นไม่นานและกำลังประชุมกันอยู่
ในเวลานั้นสมัชชาแห่งชาติถือได้ว่า เป็นความหวังหลักและความหวังเดียวของประชาชนชาวปารีสและฝรั่งเศส พวกเขาเชื่อว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะช่วยแก้ปัญหาความยากจน ความไม่เท่าเทียม และจะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น ดังนั้นถ้าสมัชชาแห่งชาติถูกปราบลงได้ ชีวิตของพวกเขาก็คงจะต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง��ซึ่งพวกเขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้
………………………………………………………………..
14.
นอกเหนือไปจากข่าวกองทัพของพระเจ้าหลุยส์แล้ว ยังมีปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งที่กำลังบีบคั้นความรู้สึกของชาวปารีส โดยเฉพาะแม่บ้านทั้งหลาย นั่นก็คือ ราคาของขนมปังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัญหานี้ฟังดูเผินๆเหมือนจะเป็นแค่เรื่องของแพง แต่สำหรับชาวฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้นปัญหาขนมปังแพงนี้มันคือ ความเป็นความตายของคนในครอบครัว เพราะอย่างที่ได้เล่าไปก่อนหน้าว่า ประชาชนชาวฝรั่งเศสจำนวนไม่น้อยในช่วงเวลานั้นยากจนมากจนคนรู้สึกหิวกันเกือบตลอดเวลา แล้วราคาของขนมปังที่เพิ่มขึ้นนี้ก็เพิ่มขึ้นเร็วมาก จนเรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นเกือบทุกสัปดาห์
คำถามที่ชาวบ้านอยากรู้คือ ทำไมราคาขนมปังจึงเพิ่มขึ้นเร็วเช่นนี้ ?
และแน่นอนครับ เมื่อไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ข่าวลือต่างๆก็แพร่สะพัดไปทั่ว เช่น สาเหตุที่ราคาขนมปังขึ้นเป็นเพราะเหล่าขุนนางแอบกักตุนธัญพืชไว้เพื่อให้ขนมปังขาดแคลน หรือข่าวลือว่า พระนางมารี อ็องตัวเนตพูดว่า ถ้าชาวบ้านไม่มีขนมปังกินแล้วทำไมไม่กินเค้ก
แต่ชาวปารีสก็ยังมีความหวังอยู่ เพราะในสมัชชาแห่งชาติมีชายคนหนึ่งที่คอยต่อสู้เรื่องราคาขนมปังและอาหารอื่นๆ ให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ ชายคนนั้นก็คือ ฌาคส์ เน็คเกอร์ (Jacques Necker) รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของพระเจ้าหลุยส์
………………………………………………………………..
แต่แล้วในวันที่ 11 กรกฎาคม เน็คเกอร์ก็ถูกพระเจ้าหลุยส์ไล่ออกจากตำแหน่ง
วันรุ่งขึ้นเมื่อข่าวการโดนไล่ออกของเน็คเกอร์รับรู้ไปทั่วปารีส ประชาชนประมาณ 5,000 คนก็เริ่มออกมาประท้วงบนท้องถนน พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของเน็คเกอร์
และแน่นอนครับ อย่างที่เราคงคุ้นเคยกันดี เมื่อคนมาประท้วงมากขึ้น ความสับสนวุ่นวายก็เริ่มต้นขึ้น ยิ่งในยุคที่ยังไม่มีโทรโข่ง ไม่มีไมโครโฟน การควบคุมมวลชนก็ยิ่งยาก ข่าวลือต่าง ๆ ก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่ว เริ่มมีการพูดว่า กษัตริย์กำลังจะนำกองทัพมาปราบประชาชน จำนวนประชาชนที่ออกมาประท้วงก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เริ่มมีการตะโกนเรียกร้องให้ประชาชนหยิบอาวุธขึ้นมาเตรียมต่อสู้ มีการตั้งกองกำลังของประชาชนขึ้นมา มีข่าวลือว่าผู้นำของสมัชชาแห่งชาติบางคนถูกจับไปขังในคุกบาสตีย์แล้ว
จากความวุ่นวายก็ค่อย ๆ เขยิบไปเป็นความรุนแรง
วันที่ 13 กรกฎาคม ประชาชนที่มาประท้วงเริ่มบุกเข้าไปในโบสถ์คริสต์เพื่อค้นหาขนมปังหรือธัญพืชมากินแก้ห้ว คุกหลายแห่งถูกโจมตี นักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ได้รับการปล่อยตัวออกมา
เช้าวันที่ 14 กรกฎาคม ประชาชนจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปในโรงพยาบาลทหาร แล้วยึดปืนใหญ่มาได้ 12 กระบอก อาวุธปืนอีกประมาณ 30,000 กระบอก แต่พวกเขากลับหาดินปืนไม่พบ ไม่นานก็มีข่าวลือออกมาว่า ดินปืนได้ถูกย้ายไปซ่อนไว้ที่คุกบาสตีลล์
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มวลชนก็มุ่งหน้าตรงไปที่คุกบาสตีลล์ในทันที ….
………………………………………………………………..
ขอบคุณ Ocylens คอนแทคเลนส์รายวัน ที่ให้การสนับสนุนบทความนี้นะครับ
Ocylens คอนแทคเลนส์รายวันใส่สบายเพราะทำจากวัสดุ Hydrogel Etafilcon A
พิเศษสำหรับแฟนเพจเรื่องเล่าจากร่างกาย ซื้อ 1 แถม 1
เพียงใส่โค้ด OCY11 ในช่องหมายเหตุหน้าชำระเงิน
(1 สิทธิ์/ท่าน โค้ดมีจำนวนจำกัดนะครับ)สนใจคลิกที่ลิงก์)